จุดจบรถครีมแดง เปิดตัวเต็งประมูล EV Bus ขสมก.
จุดจบรถครีมแดง เปิดตัวเต็งประมูล EV Bus ขสมก.
สําหรับรูปแบบการประมูลคครั้งนี้ จะแตกต่างจากการจัดซื้อรถโดยสาร NGV 489 คันรอบก่อน ที่เป็นการจัดซื้อโดย ขสมก. โดยมี ขสมก. เป็นผู้บริหารเดินรถด้วยตนเอง โดยในครั้งนี้จะเป็นจัดหารถโดยสาร ในรูปแบบการจ้างเอกชนเดินรถ โดยมี ขสมก. จ่ายค่าเช่าตามระยะทาง เอกชนต้องรับภาระค่าเชื้อเพลิง ค่าซ่อมบำรุงทั้งหมด โดยเลือกรายที่เสนอค่าจ้างวิ่งต่ำสุด โดยมีต้นทุนค่าจ้างวิ่งประมาณ 4,000 ล้านบาท/ปี ซึ่งนับว่าถูกกว่าต้นทุนเดินรถโดยสารของ ขสมก.
องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพจึงมีความประสงค์จะเช่ารถโดยสารไฟฟ้า 2,511 คัน พร้อมสถานีอัดประจุไฟฟ้าเป็นระยะเวลา 7 ปี ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยเป็นรถโดยสารที่ประกอบในประเทศไทย ที่มีมูลค่าของวัสดุอุปกรณ์ที่ผลิตภายในประเทศไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของมูลค่าของวัสดุอุปกรณ์ที่ผลิตได้ภายในประเทศทั้งหมด
รายละเอียด TOR สําหรับเอกชนที่จะเข้าร่วมประมูล
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=2000178596791088&id=1233859410089681
ดังนั้น TDR จึงลิสต์รายชื่อกลุ่มทุนที่มีความสามารถและมีความสนใจในการผลิต/ให้บริการรถโดยสารเพื่อป้อนให้กับผู้เข้าร่วมประมูลในครั้งนี้
1. บจก.พลังงานบริสุทธิ์ - MINE bus ตลาดรถโดยสารไฟฟ้านับเป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักของพลังงานบริสุทธิ์มาในระยะเวลาหนึ่ง เห็นได้จากการเข้าซื้อหุ้นของบริษัท NEX point ที่ปัจจุบันได้สิทธิ์ในการรับซ่อมบํารุงรถโดยสาร NGV จํานวนกว่า 500 คัน รวมไปถึงการสร้างโรงงานประกอบรถโดยสารที่จังหวัดฉะเชิงเทราภายใต้ บริษัท Absolute assembly และมีบริษัทระบบขนส่งสาธารณะ EV smart transport อยู่ในเครือ สําหรับจุดเด่นของรถโดยสาร Minebus นั่นก็คือแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนที่ผลิตภายในประเทศไทยและพันธมิตรที่เชี่ยวชาญด้านบริการ/ซ่อมบํารุงรถโดยสารสาธารณะ
2. โชคนำชัย ไฮ-เทค เพรสซิ่ง - SakunC แม้ว่าปัจจุบันสกุลฎ์ซียังไม่เปิดตัวรถโดยสารไฟฟ้าที่พัฒนาขึ้นเองตั้งแต่ต้น แต่จากผลงานการ retrofit รถโดยสารยูโรเบนซ์ ขสมก. เป็นรถโดยสารพลังงานไฟฟ้าตัวถังอะลูมิเนียมทั้งคันที่มีรูปร่างและประสิทธิภาพที่น่าประทับใจ ทําให้เราคาดการณ์ได้ว่า สกุลฎ์ซีก็กําลังชิงเค้กตลาดนี้อยู่เช่นกัน จุดเด่นของสกุลฎ์ซีที่พบเห็นได้ชัดทีสุด คือการใช้ชิ้นส่วนในประเทศและการร่วมมือกับพันธมิตรไทยแท้ๆอย่าง AMR asia , บ้านปู ทําให้เราพูดได้เต็มปากว่า สกุลฎ์ซีเป็นรถเมล์ไฟฟ้าไทย 100% อย่างแท้จริง
3. EVT บริษัทรถไฟฟ้าไทยเป็นอีกหนึ่งผู้เล่นที่หลายคนมองข้าม แต่รู้หรือไม่ว่า EVT มีประสบการณ์บริการเดินรถและซ่อมบํารุงรถโดยสารไฟฟ้าในประเทศไทยมานานกว่า 10 ปี สําหรับสิ่งที่ EVT ต้องก้าวข้ามไปให้ได้เพื่อที่จะชนะประมูลในครั้งนี้ ก็คือการจัดหารถโดยสารไฟฟ้าที่มีชิ้นส่วนในประเทศสูงกว่า 50% จากเดิม 40% ในปัจจุบันที่เป็นการจัดหาชิ้นส่วนจากผู้ผลิตจีน
4. BYD ผู้ผลิตรถโดยสารไฟฟ้าทีใหญ่และล้ำสมัยที่สุดในโลก โดยเราสามารถคาดเดาได้ว่า เมื่อมีตลาดรถโดยสารไฟฟ้ากว่า 2500 คันรออยู่ BYD จึงใฟ้ความสนใจแน่นอน จุดเด่นของ BYD ที่ชัดเจนที่สุดก็ไม่พ้นต้นทุนต่อหน่วยและคุณภาพที่ผู้เล่นท้องถิ่นยากที่จะสู้ได้ แต่ถึงกระนั้น หาก BYD ต้องการที่จะเข้าร่วมประมูล ก็ต้องจับมือกับอู่ต่อตัวถังรถโดยสารในไทยเสียก่อน เพื่อที่จะผลิตรถโดยสารที่มีชิ้นส่วนไทยไม่ต่ำกว่า 50% จึงจะผ่านเกณฑ์ได้ ( ทั้งนี้ BYD เป็นผู้ผลิตรถโดยสาร จึงต้องหาผู้เดินรถที่สนใจจัดหารถ BYD มาให้บริการเสียก่อน )
เขียน และเรียบเรียงโดย : Thailand Development Report
[เนื้อหา การเขียน และเรียบเรียงถือเป็นทรัพย์สินทางปัญญาของเพจ Thailand Development Report ไม่อนญาตให้ทำการคัดลอก หรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาต]
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น