EV BUS ขสมก.
แผนงานและข่าว "EV BUS ขสมก."
- 9 ธันวาคม 2563 -
คมนาคม เตรียมลุยนำร่อง EV Bus 400 คัน วางแผนเริ่มวิ่งพฤษภาคม 2564
กระทรวงคมนาคมภายใต้การนำของ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม หลังจากเข้าประชุมร่วมกับคณะอนุกรรมาธิการยานยนต์ไฟฟ้า ได้มีการเปิดเผยว่าในปัจจุบัน ได้มีการวางแผนการนำร่องในการสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้า ในส่วนของระบบขนส่งสาธารณะ โดยจะนำร่องนำระบบ "รถบัสไฟฟ้า" เข้ามาให้บริการในวาระนำร่องจำนวน 400 คันโดยจะเริ่มมีการนำร่องอย่างจริงจังเมื่อ ครม. มีการอนุมัติแผนฟื้นฟู ขสมก. หรือ ขนส่งมวลชนกรุงเทพฯ ที่ทางกระทรวงคมนาคมจะนำเข้าเสนอต่อ ครม. ภายในเดือนธันวาคม 2563 นี้ เพื่อให้เริ่มมีการดำเนินการนำร่องโครงการจัดหา หรือเช่า "รถบัสไฟฟ้า" จำนวน 2,511 คัน เพื่อให้บริการประชาชนต่อไป
- 9 ธันวาคม 2563 -
เปิดสเปก EV Bus ของ ขสมก.
แผนฟื้นฟูกิจการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ฉบับปรับปรุงใหม่) ได้มีการกำหนด แผนงานในการเช่ารถ EV Bus เพื่อให้บริการ โดย ขสมก. จำนวนทั้งหมด 2,511 คัน
ภายใต้ข้อกำหนดตาม TOR ในการจัดหาในครั้งนี้มีการหนดคุณลักษณะสำคัญของ ตัวรถ EV Bus ไว้เรียบร้อยแล้ว โดยจะมีการแบ่งการจัดหาเป็นจำนวน 7 งวดย่อยงวด 1 จำนวน 400 คัน
งวด 2 จำนวน 400 คัน
งวด 3 จำนวน 400 คัน
งวด 4 จำนวน 400 คัน
งวด 5 จำนวน 400 คัน
งวด 6 จำนวน 400 คัน
งวด 7 จำนวน 111 คัน
งวด 2 จำนวน 400 คัน
งวด 3 จำนวน 400 คัน
งวด 4 จำนวน 400 คัน
งวด 5 จำนวน 400 คัน
งวด 6 จำนวน 400 คัน
งวด 7 จำนวน 111 คัน
 |
| BMTA EV BUS SPEC |
ได้มีการให้ข้อมูลจาก รมว. กระทรวงคมนาคมว่า หากมีการอนุมัติแผนฟื้นฟูกิจการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพโดยคณะรัฐมนตรีภายในเดือนธันวาคม 2563 นี้ จะทำให้ทาง ขสมก. จะเริ่มได้รับ EV Bus ล็อตแรกเพื่อใช้งานในการให้บริการประชาชนภายในเดือนพฤษภาคม 2564
บทความนี้จึงขอนำเสนอคุณลักษณะเบื้องต้นที่ทาง TDR ได้ทำการสรุปออกมาจาก TOR ที่ทาง ขสมก. ได้ร่างเอาไว้เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการจัดหาทันทีหลังจากที่ ครม. อนุมัติแผนปรับปรุงของขององค์กร
#เปิดสเปกEVBusขสมก
องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ มีควำมประสงค์จะเช่ารถโดยสารไฟฟ้า 2,511 คัน พร้อมสถkนีอัดประจุไฟฟ้าเป็นระยะเวลำ 7 ปี ด้วยวิธีกำรทำงอิเล็กทรอนิกส์ โดยเป็นรถโดยสารที่ประกอบในประเทศไทย ที่มีมูลค่าของวัสดุอุปกรณ์ที่ผลิตภายในประเทศไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของมูลค่าของวัสดุอุปกรณ์ที่ผลิตได้ภายในประเทศทั้งหมด
รถโดยสารต้องประกอบจากโรงงานในประเทศไทยที่ได้มาตรฐาน โดยต้องแนบสำเนา
หนังสือรับรองมาตรฐาน ISO 9001 ด้านผลิตหรือประกอบตัวถังรถโดยสารและต้องมีสำเนาใบอนุญาตของ โรงงานจากกระทรวงอุตสาหกรรม (ร.ง.4) และต้องแสดงเอกสารยืนยันกระบวนการผลิตที่สามารถทำซ้ำได้ และมีระบบควบคุมคุณภาพการผลิตให้เป็นไปตามรถต้นแบบ
สัดส่วนตัวรถทั่วไป
คุณลักษณะทั่วไป : รถโดยสารปรับอากาศชั้นเดียว ชานต่ำ
ขนาดของรถ : ยาว 10-12 เมตร ตามมาตรฐาน 2ข ของกรมการขนส่งทางบก
จำนวนที่นั่ง : ไม่น้อยกว่า 31 ที่นั่ง (รวมที่นั่งคนพิการ 4 ที่นั่ง)
น้ำหนักบรรทุกรวม : ไม่น้อยกว่า 14 ตัน
มอเตอร์ไฟฟ้า
เป็นแบบ Permanent magnet Synchronous หรือ Squirrel cage rotor induction Motor ให้กำลังไฟฟ้ารวมไม่ต่ำกว่า 175 kW(กิโลวัตต์) พร้อมความสามารถในการป้องกันฝุ่นและน้ำไม่ต่ำกว่ามาตรฐาน IP67
แบตเตอรี่
เป็นแบตเตอรี่แบบ Li-ion ขนาดความจุเพียงพอต่อการใช้งานระยะทางต่อการอัดประจุไม่ต่ำกว่า 250 กิโลเมตร พร้อมความสามารถในการป้องกันฝุ่นและน้ำไม่ต่ำกว่ามาตรฐาน IP67
ระบบอัดประจุไฟฟ้า
ระบบอัดประจุไฟฟ้าและเต้ารับประจุไฟฟ้า เป็นไปตามมาตรฐาน มอก.2749 เล่ม 1 และ 3 และติดตั้งเต้ารับอัดประจุไฟฟ้าบริเวณด้านซ้ายของตัวรถ
แรงดันในการอัดประจุ : ไม่น้อยกว่า 500V
ระยะเวลาในการอัดประจุ : จาก 0-100% ไม่เกิน 4 ชั่วโมง
บทความนี้จึงขอนำเสนอคุณลักษณะเบื้องต้นที่ทาง TDR ได้ทำการสรุปออกมาจาก TOR ที่ทาง ขสมก. ได้ร่างเอาไว้เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการจัดหาทันทีหลังจากที่ ครม. อนุมัติแผนปรับปรุงของขององค์กร
#เปิดสเปกEVBusขสมก
องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ มีควำมประสงค์จะเช่ารถโดยสารไฟฟ้า 2,511 คัน พร้อมสถkนีอัดประจุไฟฟ้าเป็นระยะเวลำ 7 ปี ด้วยวิธีกำรทำงอิเล็กทรอนิกส์ โดยเป็นรถโดยสารที่ประกอบในประเทศไทย ที่มีมูลค่าของวัสดุอุปกรณ์ที่ผลิตภายในประเทศไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของมูลค่าของวัสดุอุปกรณ์ที่ผลิตได้ภายในประเทศทั้งหมด
รถโดยสารต้องประกอบจากโรงงานในประเทศไทยที่ได้มาตรฐาน โดยต้องแนบสำเนา
หนังสือรับรองมาตรฐาน ISO 9001 ด้านผลิตหรือประกอบตัวถังรถโดยสารและต้องมีสำเนาใบอนุญาตของ โรงงานจากกระทรวงอุตสาหกรรม (ร.ง.4) และต้องแสดงเอกสารยืนยันกระบวนการผลิตที่สามารถทำซ้ำได้ และมีระบบควบคุมคุณภาพการผลิตให้เป็นไปตามรถต้นแบบ
สัดส่วนตัวรถทั่วไป
คุณลักษณะทั่วไป : รถโดยสารปรับอากาศชั้นเดียว ชานต่ำ
ขนาดของรถ : ยาว 10-12 เมตร ตามมาตรฐาน 2ข ของกรมการขนส่งทางบก
จำนวนที่นั่ง : ไม่น้อยกว่า 31 ที่นั่ง (รวมที่นั่งคนพิการ 4 ที่นั่ง)
น้ำหนักบรรทุกรวม : ไม่น้อยกว่า 14 ตัน
มอเตอร์ไฟฟ้า
เป็นแบบ Permanent magnet Synchronous หรือ Squirrel cage rotor induction Motor ให้กำลังไฟฟ้ารวมไม่ต่ำกว่า 175 kW(กิโลวัตต์) พร้อมความสามารถในการป้องกันฝุ่นและน้ำไม่ต่ำกว่ามาตรฐาน IP67
แบตเตอรี่
เป็นแบตเตอรี่แบบ Li-ion ขนาดความจุเพียงพอต่อการใช้งานระยะทางต่อการอัดประจุไม่ต่ำกว่า 250 กิโลเมตร พร้อมความสามารถในการป้องกันฝุ่นและน้ำไม่ต่ำกว่ามาตรฐาน IP67
ระบบอัดประจุไฟฟ้า
ระบบอัดประจุไฟฟ้าและเต้ารับประจุไฟฟ้า เป็นไปตามมาตรฐาน มอก.2749 เล่ม 1 และ 3 และติดตั้งเต้ารับอัดประจุไฟฟ้าบริเวณด้านซ้ายของตัวรถ
แรงดันในการอัดประจุ : ไม่น้อยกว่า 500V
ระยะเวลาในการอัดประจุ : จาก 0-100% ไม่เกิน 4 ชั่วโมง
- 18 ธันวาคม 2563 -
จุดจบรถครีมแดง เปิดตัวเต็งประมูล EV Bus ขสมก.
ต้นเหตุหนึ่งของฝุ่น Pm 2.5 ในกรุงเทพเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาคงไม่พ้นรถโดยสารครีมแดงอายุเกือบ 30 ปี ที่ยังคงให้บริการอยู่นับพันคันทั่วกรุงเทพมหานคร แต่อย่าเพิ่งหมดหวังไป ในอนาคตในไม่กี่ปีนี้ เราคงจะมีโอกาสได้เห็นรถโดยสารไฟฟ้าวิ่งฉิวทั่วกรุง (ในกรณีที่แผนปฏิรูป ขสมก. เป็นไปอย่างราบรื่น) แต่ไม่ว่าผลลัพธิ์จะออกมาเป็นอย่างไร ณ ปัจจุบันนี้ เราก็พอคาดเดาได้ว่าบริษัทใดจะนํารถโดยสารมาร่วมประมูล
สําหรับรูปแบบการประมูลคครั้งนี้ จะแตกต่างจากการจัดซื้อรถโดยสาร NGV 489 คันรอบก่อน ที่เป็นการจัดซื้อโดย ขสมก. โดยมี ขสมก. เป็นผู้บริหารเดินรถด้วยตนเอง โดยในครั้งนี้จะเป็นจัดหารถโดยสาร ในรูปแบบการจ้างเอกชนเดินรถ โดยมี ขสมก. จ่ายค่าเช่าตามระยะทาง เอกชนต้องรับภาระค่าเชื้อเพลิง ค่าซ่อมบำรุงทั้งหมด โดยเลือกรายที่เสนอค่าจ้างวิ่งต่ำสุด โดยมีต้นทุนค่าจ้างวิ่งประมาณ 4,000 ล้านบาท/ปี ซึ่งนับว่าถูกกว่าต้นทุนเดินรถโดยสารของ ขสมก.
องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพจึงมีความประสงค์จะเช่ารถโดยสารไฟฟ้า 2,511 คัน พร้อมสถานีอัดประจุไฟฟ้าเป็นระยะเวลา 7 ปี ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยเป็นรถโดยสารที่ประกอบในประเทศไทย ที่มีมูลค่าของวัสดุอุปกรณ์ที่ผลิตภายในประเทศไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของมูลค่าของวัสดุอุปกรณ์ที่ผลิตได้ภายในประเทศทั้งหมด
สําหรับรูปแบบการประมูลคครั้งนี้ จะแตกต่างจากการจัดซื้อรถโดยสาร NGV 489 คันรอบก่อน ที่เป็นการจัดซื้อโดย ขสมก. โดยมี ขสมก. เป็นผู้บริหารเดินรถด้วยตนเอง โดยในครั้งนี้จะเป็นจัดหารถโดยสาร ในรูปแบบการจ้างเอกชนเดินรถ โดยมี ขสมก. จ่ายค่าเช่าตามระยะทาง เอกชนต้องรับภาระค่าเชื้อเพลิง ค่าซ่อมบำรุงทั้งหมด โดยเลือกรายที่เสนอค่าจ้างวิ่งต่ำสุด โดยมีต้นทุนค่าจ้างวิ่งประมาณ 4,000 ล้านบาท/ปี ซึ่งนับว่าถูกกว่าต้นทุนเดินรถโดยสารของ ขสมก.
องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพจึงมีความประสงค์จะเช่ารถโดยสารไฟฟ้า 2,511 คัน พร้อมสถานีอัดประจุไฟฟ้าเป็นระยะเวลา 7 ปี ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยเป็นรถโดยสารที่ประกอบในประเทศไทย ที่มีมูลค่าของวัสดุอุปกรณ์ที่ผลิตภายในประเทศไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของมูลค่าของวัสดุอุปกรณ์ที่ผลิตได้ภายในประเทศทั้งหมด
 |
| EV BUS Company Analysis |
ดังนั้น TDR จึงลิสต์รายชื่อกลุ่มทุนที่มีความสามารถและมีความสนใจในการผลิต/ให้บริการรถโดยสารเพื่อป้อนให้กับผู้เข้าร่วมประมูลในครั้งนี้
1. บจก.พลังงานบริสุทธิ์ - MINE bus ตลาดรถโดยสารไฟฟ้านับเป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักของพลังงานบริสุทธิ์มาในระยะเวลาหนึ่ง เห็นได้จากการเข้าซื้อหุ้นของบริษัท NEX point ที่ปัจจุบันได้สิทธิ์ในการรับซ่อมบํารุงรถโดยสาร NGV จํานวนกว่า 500 คัน รวมไปถึงการสร้างโรงงานประกอบรถโดยสารที่จังหวัดฉะเชิงเทราภายใต้ บริษัท Absolute assembly และมีบริษัทระบบขนส่งสาธารณะ EV smart transport อยู่ในเครือ สําหรับจุดเด่นของรถโดยสาร Minebus นั่นก็คือแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนที่ผลิตภายในประเทศไทยและพันธมิตรที่เชี่ยวชาญด้านบริการ/ซ่อมบํารุงรถโดยสารสาธารณะ
2. โชคนำชัย ไฮ-เทค เพรสซิ่ง - SakunC แม้ว่าปัจจุบันสกุลฎ์ซียังไม่เปิดตัวรถโดยสารไฟฟ้าที่พัฒนาขึ้นเองตั้งแต่ต้น แต่จากผลงานการ retrofit รถโดยสารยูโรเบนซ์ ขสมก. เป็นรถโดยสารพลังงานไฟฟ้าตัวถังอะลูมิเนียมทั้งคันที่มีรูปร่างและประสิทธิภาพที่น่าประทับใจ ทําให้เราคาดการณ์ได้ว่า สกุลฎ์ซีก็กําลังชิงเค้กตลาดนี้อยู่เช่นกัน จุดเด่นของสกุลฎ์ซีที่พบเห็นได้ชัดทีสุด คือการใช้ชิ้นส่วนในประเทศและการร่วมมือกับพันธมิตรไทยแท้ๆอย่าง AMR asia , บ้านปู ทําให้เราพูดได้เต็มปากว่า สกุลฎ์ซีเป็นรถเมล์ไฟฟ้าไทย 100% อย่างแท้จริง
3. EVT บริษัทรถไฟฟ้าไทยเป็นอีกหนึ่งผู้เล่นที่หลายคนมองข้าม แต่รู้หรือไม่ว่า EVT มีประสบการณ์บริการเดินรถและซ่อมบํารุงรถโดยสารไฟฟ้าในประเทศไทยมานานกว่า 10 ปี สําหรับสิ่งที่ EVT ต้องก้าวข้ามไปให้ได้เพื่อที่จะชนะประมูลในครั้งนี้ ก็คือการจัดหารถโดยสารไฟฟ้าที่มีชิ้นส่วนในประเทศสูงกว่า 50% จากเดิม 40% ในปัจจุบันที่เป็นการจัดหาชิ้นส่วนจากผู้ผลิตจีน
4. BYD ผู้ผลิตรถโดยสารไฟฟ้าทีใหญ่และล้ำสมัยที่สุดในโลก โดยเราสามารถคาดเดาได้ว่า เมื่อมีตลาดรถโดยสารไฟฟ้ากว่า 2500 คันรออยู่ BYD จึงใฟ้ความสนใจแน่นอน จุดเด่นของ BYD ที่ชัดเจนที่สุดก็ไม่พ้นต้นทุนต่อหน่วยและคุณภาพที่ผู้เล่นท้องถิ่นยากที่จะสู้ได้ แต่ถึงกระนั้น หาก BYD ต้องการที่จะเข้าร่วมประมูล ก็ต้องจับมือกับอู่ต่อตัวถังรถโดยสารในไทยเสียก่อน เพื่อที่จะผลิตรถโดยสารที่มีชิ้นส่วนไทยไม่ต่ำกว่า 50% จึงจะผ่านเกณฑ์ได้ ( ทั้งนี้ BYD เป็นผู้ผลิตรถโดยสาร จึงต้องหาผู้เดินรถที่สนใจจัดหารถ BYD มาให้บริการเสียก่อน )
1. บจก.พลังงานบริสุทธิ์ - MINE bus ตลาดรถโดยสารไฟฟ้านับเป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักของพลังงานบริสุทธิ์มาในระยะเวลาหนึ่ง เห็นได้จากการเข้าซื้อหุ้นของบริษัท NEX point ที่ปัจจุบันได้สิทธิ์ในการรับซ่อมบํารุงรถโดยสาร NGV จํานวนกว่า 500 คัน รวมไปถึงการสร้างโรงงานประกอบรถโดยสารที่จังหวัดฉะเชิงเทราภายใต้ บริษัท Absolute assembly และมีบริษัทระบบขนส่งสาธารณะ EV smart transport อยู่ในเครือ สําหรับจุดเด่นของรถโดยสาร Minebus นั่นก็คือแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนที่ผลิตภายในประเทศไทยและพันธมิตรที่เชี่ยวชาญด้านบริการ/ซ่อมบํารุงรถโดยสารสาธารณะ
2. โชคนำชัย ไฮ-เทค เพรสซิ่ง - SakunC แม้ว่าปัจจุบันสกุลฎ์ซียังไม่เปิดตัวรถโดยสารไฟฟ้าที่พัฒนาขึ้นเองตั้งแต่ต้น แต่จากผลงานการ retrofit รถโดยสารยูโรเบนซ์ ขสมก. เป็นรถโดยสารพลังงานไฟฟ้าตัวถังอะลูมิเนียมทั้งคันที่มีรูปร่างและประสิทธิภาพที่น่าประทับใจ ทําให้เราคาดการณ์ได้ว่า สกุลฎ์ซีก็กําลังชิงเค้กตลาดนี้อยู่เช่นกัน จุดเด่นของสกุลฎ์ซีที่พบเห็นได้ชัดทีสุด คือการใช้ชิ้นส่วนในประเทศและการร่วมมือกับพันธมิตรไทยแท้ๆอย่าง AMR asia , บ้านปู ทําให้เราพูดได้เต็มปากว่า สกุลฎ์ซีเป็นรถเมล์ไฟฟ้าไทย 100% อย่างแท้จริง
3. EVT บริษัทรถไฟฟ้าไทยเป็นอีกหนึ่งผู้เล่นที่หลายคนมองข้าม แต่รู้หรือไม่ว่า EVT มีประสบการณ์บริการเดินรถและซ่อมบํารุงรถโดยสารไฟฟ้าในประเทศไทยมานานกว่า 10 ปี สําหรับสิ่งที่ EVT ต้องก้าวข้ามไปให้ได้เพื่อที่จะชนะประมูลในครั้งนี้ ก็คือการจัดหารถโดยสารไฟฟ้าที่มีชิ้นส่วนในประเทศสูงกว่า 50% จากเดิม 40% ในปัจจุบันที่เป็นการจัดหาชิ้นส่วนจากผู้ผลิตจีน
4. BYD ผู้ผลิตรถโดยสารไฟฟ้าทีใหญ่และล้ำสมัยที่สุดในโลก โดยเราสามารถคาดเดาได้ว่า เมื่อมีตลาดรถโดยสารไฟฟ้ากว่า 2500 คันรออยู่ BYD จึงใฟ้ความสนใจแน่นอน จุดเด่นของ BYD ที่ชัดเจนที่สุดก็ไม่พ้นต้นทุนต่อหน่วยและคุณภาพที่ผู้เล่นท้องถิ่นยากที่จะสู้ได้ แต่ถึงกระนั้น หาก BYD ต้องการที่จะเข้าร่วมประมูล ก็ต้องจับมือกับอู่ต่อตัวถังรถโดยสารในไทยเสียก่อน เพื่อที่จะผลิตรถโดยสารที่มีชิ้นส่วนไทยไม่ต่ำกว่า 50% จึงจะผ่านเกณฑ์ได้ ( ทั้งนี้ BYD เป็นผู้ผลิตรถโดยสาร จึงต้องหาผู้เดินรถที่สนใจจัดหารถ BYD มาให้บริการเสียก่อน )
เขียน และเรียบเรียงโดย : Thailand Development Report
[เนื้อหา การเขียน และเรียบเรียงถือเป็นทรัพย์สินทางปัญญาของเพจ Thailand Development Report ไม่อนญาตให้ทำการคัดลอก หรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาต]
[เนื้อหา การเขียน และเรียบเรียงถือเป็นทรัพย์สินทางปัญญาของเพจ Thailand Development Report ไม่อนญาตให้ทำการคัดลอก หรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาต]
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น